Fibonacci หรือ ฟิโบแนซซี่ เป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญอย่างมากที่เทรดเดอร์จะใช้กัน ในการดูเป้าหมายสำคัญ เช่น เป้าหมายของกำไร เป้าหมายจุดขาดทุน เป้าหมายของการย่อตัว เป้าหมายของการจะไปต่อ เป็นต้น

ใน MT4 เราไม่จำเป็นต้องรู้การคำนวนแต่ละ levels เครื่องมือนี้จะมี levels บอกให้เรียบร้อยแล้วและสามารถเพิ่ม level ด้วยตัวเองได้ด้วย สิ่งที่จะต้องรู้ในการใช้งานได้อย่างถูกต้องนั้นคือ หาจุดต่ำสุดและจุดสูงสุด

มาดูตัวอย่างกันดังรูปที่ 1

รูปที่ 1 : ตัวอย่างคู่เงิน NZDUSD ใช้ time frame H4 จะเห็นว่าราคาสูงสุดจะอยู่ที่ 0.72370 และราคาต่ำสุดอยู่ที่ 0.68934 แนวโน้มจะเห็นว่าเป็นแนวโน้มขาลง กราฟลงไปเรื่อยๆ จนถึงจุดๆ หนึ่ง และเกิดการพักตัว ซึ่งในการใช้ Fibonacci นั้นให้เราทำการลากจากจุดสูงสุด ลงไปยังจุดต่ำสุดตามแนวโน้มขาลง เมื่อลาก Fibonacci แล้วจะเห็นระดับของ Fibonacci Levels (38.2, 50, 61.8, 88.6 , 100, 127.2,…….) ซึ่งเครื่องมือชนิดนี้ จะทำให้เทรดเดอร์ทราบว่าหลังจากที่กราฟลงมาอย่างต่อเนื่อง แล้วเกิดการพักตัว จะมีการย่อต่อกลับขึ้นไปถึงระดับไหนได้บ้าง หรืออาจจะเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาขึ้นเมื่อผ่านระดับไหนไปแล้ว เครื่องมือนี้จะเป็นแนวทางในการหาเป้าหมายสำคัญได้ เช่น เป้าหมายในการทำกำไร เป้าหมายของการวางแผนตั้ง Stop loss เป็นต้น ซึ่งเมื่อถึงตำแหน่ง 38.2 โดยประสบการณ์แล้วเทรดเดอร์บางรายก็จะมีการปิดกำไร หรือใช้เทคนิคส่วนตัวอื่นๆ ทำให้มีการพักตัวเกิดขึ้นอีกครั้ง ติดตามดูตามรูปที่ 2

รูปที่ 2 ต่อจากรูปแรก เมื่อเกิดการพักตัวในตำแหน่งนัยยะสำคัญระดับ Fibonacci 38.2 แล้ว บางครั้งเทรดเดอร์จำเป็นต้องปรับ time frame ให้เล็กลงไปยัง H1 เพื่อให้สามารถตรวจสอบการพักตัวของกราฟได้ดียิ่งขึ้น จากการพักตัวที่รูปที่1 ก็จะมองออกว่าใน H1 จะเป็นเทรนขาขึ้น การใช้ Fibonacci ก็จะต้องวัดจากจุดต่ำสุด 0.68934 ไปยังจุดสูงสุด 0.70482 ตามแนวโน้มขาขึ้นใน H1 ซึ่งจะทำให้เทรดเดอร์ทราบว่า กราฟจะย่อตัวลงไปถึงระดับไหน สังเกตุจากรูปที่ 2 จะเห็นว่า มีการลงไปถึงระดับ 38.2 และดีดกลับ ซึ่งหากเทรดเดอร์หวังกำไรระยะสั้นก็จะสามารถทำกำไรช่วงดีดกลับจาก 38.2 นี้ได้อีก และสุดท้ายแล้วกราฟทะลุลงไปต่อยัง Fibonacci ระดับที่ 50 ซึ่งนัยยะนี้ก็มีความสำคัญเช่นกัน ที่กราฟจะเกิดการพักตัวระยะหนึ่ง ทั้งหมดที่อธิบายไปข้างต้น ทำให้เทรดเดอร์ทราบเป็นแนวทางได้ว่า ควรจะเข้าซื้อ และปิดกำไร หรือปิดขาดทุนได้ที่ราคาเท่าไหร่ ต่อไปเราไปดูรูปที่ 3 ถัดไป

รูปที่ 3 ขอกล่าวย้อนไปรูปที่ 2 นิดนึงว่า หลังจากย่อต่อไปยัง 38.2 แล้ว สุดท้ายแล้วกราฟยังคงทะลุลงต่อไปยัง ระดับที่ 50 ดังนั้นในรูปที่ 3 นี้ก็เช่นกัน ซึ่งเป็นการตรวสอบกราฟที่ time frame H4 เหมือนรูปที่ 1 เทรดเดอร์จำต้องพึงระวัง แม้ว่า Fibonacci ระดับ 38.2 เป็นระดับสำคัญ แต่ก็มีโอกาสที่กราฟจะทะลุผ่านได้ จุดนี้ทำให้เทรดเดอร์ทั้งหลายที่เทรดระยะสั้น ทราบว่า ควรตั้งระดับ Stop loss ที่ราคาเท่าไหร่ได้เป็นอย่างดีในการบริหารจัดการเงินทุน เรามาต่อที่รูปที่ 3 พร้อมรูปที่ 1 ไปพร้อมๆ กัน จะเห็นว่ากราฟยังมีแรงย่อตัวขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง อาจจะมีพักบ้างที่ระดับ 38.2 แต่สุดท้ายแล้วก็ยังสามารถผ่านต่อไปยังระดับที่ 50 ซึ่งเทรดเดอร์ที่เรียนรู้การใช้งาน fibonacci เป็นอย่างดี ก็จะสามารถวางแผนทำกำไรได้ไม่สิ้นสุด หลังจากที่กราฟย่อตัวไปยังระดับ 50 กราฟก็มักจะมีการพักตัวเกิดขึ้นอีกครั้ง แต่ไม่เสมอไป ต้องดูปัจจัยอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ปริมาณการซื้อขายหรือแรงซื้อแรงขาย เทรดเดอร์จำเป็นต้องศึกษาเรื่องแท่งเทียนประกอบด้วยเสมอ จึงจะสามารถวิเคราะห์กราฟได้แม่นยำยิ่งขึ้นว่าจะย่อตัวลงหรือจะขึ้นไปต่อ ต่อมาเราไปดูรูปที่ 4 ว่าเกิดอะไรขึ้น

รูปที่ 4 : จงจำไว้ว่า เมื่อเราวิเคราะห์เริ่มต้นที่ Time Frame ใหญ่ H4 ซึ่งเป็นเทรนขาลง การใช้เครื่องมือ Fibonacci หลักๆ จะทำให้เราทราบว่าจะเกิดการย่อตัวถึงระดับไหนได้บ้าง เมื่อเกิดการย่อตัวสิ้นสุดแล้ว กราฟก็จะไปตามเทรนใหญ่ที่เราวิเคราะห์ไว้ตอนแรก สุดท้ายแล้วเมื่อไม่สามารถผ่าน Fibonacci ระดับ 50 ได้ กราฟก็กลับไปลงต่อตามเทรน นัยยะสำคัญๆ Fibonacci สามารถไปถึงระดับ 61.8  แต่ตามรูปนี้ไม่สามารถไปถึงระดับ 61.8 ได้ เทรดเดอร์ที่มีนิสัยเทรดรายวัน หรือไม่กี่วันปิด เมื่อวิเคราะห์ใน time frame H4 ก็จะต้องหมั่นตรวจสอบทุกๆ 4 ชม. เพื่อดูว่าราคาซื้อขายในแต่ละแท่งเทียนเป็นอย่างไรบ้าง แต่สำหรับเทรดเดอร์ที่วางแผนการจัดการเงินทุนไว้อย่างดี มีการกำหนด Stop loss ทุกครั้งที่เปิดซื้อ ก็จะไม่ค่อยจำเป็นต้องหมั่นเข้ามาตรวจสอบบ่อยๆ หวังว่าจะทำให้ทุกท่านเข้าใจวิธีการใช้ Fibonacci ได้ดียิ่งขึ้นนะ

หากท่านที่มีข้อสงสัย หรือต้องการเรียนรู้เพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ contact us เรามีเปิดสอนแบบส่วนตัว ตัวต่อตัวเท่านั้น เพื่อให้เทรดเดอร์เกิดความเข้าใจและนำไปใช้งานได้จริง ได้อย่างชำนาญ

Presentation Basic Training  By : Fweal

en_USEnglish (United States)