ตัวอย่างกราฟ สามารถคลิกรูปกราฟเพื่อดูกราฟชัดเจนขึ้น และอ่านคำแนะนำการเทรด ดังต่อไปนี้ :
ซิกจะระบุเป็น SELL EURUSD at now 1.19000 หรืออาจจะเป็น Pending order เช่น SELL Limit EURUSD at 1.19000 ก็เหมือนกันนะครับ ส่วนราคาเข้าซื้ออาจจะระบุเป็นช่วงราคาได้ เช่น SELL EURUSD at now 1.19000-1.19300 ซึ่งหากราคายังอยู่ในช่วงที่กำหนดหรือยังไม่ไปไหน ก็วางแผนตามคำแนะนำด้านล่างต่อไปได้เลยครับ ยกตัวอย่างตามรูปคู่เงิน EURUSD

SELL EURUSD at now 1.19000
SL : 1.19500
TP1 : 1.18500
TP2 : 1.18000
TP3 : 1.17200

อันดับแรกที่สมาชิกได้เปิดมาเห็นซิก ให้ดูก่อนเลยว่ากราฟ EURUSD ราคาตลาดจริง ณ ตอนนั้น ยังอยู่ที่ 1.19000 หรือใกล้เคียง จุดเข้าที่แจ้งไว้หรือไม่

ต่อมาเช็คระยะห่าง SL ห่างออกไปกี่จุด เช่นตามตัวอย่างจากซิก EURUSD จุดเข้า 1.19000 ห่างจาก SL 1.19500 จะได้เท่ากับ SL ระยะ 500 จุด หรือ 50 pips

จากนั้นเริ่มวางแผนในการออกจำนวน lot size ตามความเสี่ยงที่ตัวเองกำหนด ซึ่งผมจะสอนวิธีคิดอย่างรวดเร็วฉบับเร่งรัด

โดย lot size = ความเสี่ยงขาดทุน หาร ระยะ SL
เช่น ทุน $10,000 กำหนดความเสี่ยง 3% ต่อซิก = $300

การกำหนดความเสี่ยงของแต่ละคน อาจจะไม่เท่ากัน ลองนำไปเลือกใช้ตามคำแนะนำนี้นะครับ

กำหนดความเสี่ยงต่ำ ตั้งแต่ 0.01% – 3%

กำหนดความเสี่ยงปานกลาง ตั้งแต่ 3%ขึ้นไปถึง 5%

กำหนดความเสี่ยงสูง ตั้งแต่ 5% ขึ้นไป ถึง 10%

กำหนดความเสี่ยงสูงมาก เกิน 10% อันนี้สายพนัน วัดกันไปเลย ซึ่งไม่แนะนำสำหรับการนำต้นทุนมาใช้ แต่หากนำกำไรที่เก็บสะสมมาได้ และไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเอง เงินเหลือกินเหลือใช้ สามารถใช้ความเสี่ยงสูงมากได้ แนวนี้จะออกเป็นสายพนัน ที่วัดด้วยความแม่นยำ

ถัดมา เริ่มคำนวน lot size = ความเสี่ยงขาดทุน $300 หารด้วย ระยะ SL 500 จุด = 0.6 lot

จำไว้ว่าจะเทรดคู่นี้ สามารถใช้ลอตรวมกันได้ไม่เกิน 0.6 lot เท่านั้นนะครับ

** หากจุดเข้าที่จะได้ราคาเสียเปรียบกว่าซิก เพราะกราฟวิ่งบวกไปมากแล้ว ไม่ควรเข้าเทรด สาเหตุอาจจะเกิดจากการเข้าห้อง ดูซิกช้ามากเกินไป หรือ เวลาที่ปล่อยซิกไม่ตรงกับเวลาที่สมาชิกว่าง หรือ ปัจจัยอื่นๆ อันนี้แนะนำไม่ควรเข้าเทรด หากจะเข้าเทรด ควรเช็คระยะห่าง SL เสียก่อนเสมอ และ กำหนดความเสี่ยงที่ยอมรับ เพื่อ คำนวน lot size ให้เหมาะสมกับการขาดทุนที่กำหนดความเสี่ยงไว้ ซึ่งบางครั้งจะยังสามารถเข้าเทรดได้เนื่องจาก lot size จะเล็กลง แต่ข้อเสียคือ RR จะไม่ดี และหาก RR ไม่ดีเอามากๆ ไม่ควรเข้าเทรด ให้รอซิกถัดไปดีกว่าครับ แต่ถ้าหาก RR ยังคงอยู่ในระดับที่รับได้ เช่น RR มากกว่า 1 : 0.5 ก็ยังสามารถเข้าเทรดได้ หรือใครจะกำหนดเอง RR เท่าไหร่จึงจะเข้าเทรด ก็ฝากให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดในระบบของสไตล์แต่ละคนด้วยนะครับ
** หากจุดเข้าได้ราคาที่ดีกว่าในตอนที่ดูซิก ก็สามารถเข้าเปิดออเดอร์ได้เลยหรือรอจังหวะเข้าตามเทคนิคแต่ละคนได้เลย ส่วนคนที่ดูแล้วรู้สึกกราฟไม่น่าไว้วางใจ สามารถที่จะเว้นวรรค ตัดสินใจไม่เข้าเทรด และรอซิกถัดไปครับ
** สมาชิกสามารถแบ่ง lot ทะยอยเปิดออเดอร์ตามคำแนะนำ หรือจะเปิดเพียงออเดอร์เดียว ก็ได้ ตามความถนัดในการบริหารจัดการเทรดที่เหมาะสมกับตัวเองได้เลยนะครับ ซึ่งอ่านคำแนะนำแต่ละแบบ เพื่อเลือกใช้ตามที่ตัวเองถนัดได้เลยครับ

หากสมาชิกในห้อง ทำตามคำแนะนำด้านล่าง ผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้น จะมีหลายกรณี ดังต่อไปนี้ (แนะนำให้จินตนาการกราฟ ตามออเดอร์ที่เปิดด้วยครับ จะเข้าใจรวดเร็วขึ้น)
—————————————————————————————————-
สำหรับสมาชิกที่จะเปิดเหลายออเดอร์ Multi order แบ่ง lot แล้วเข้าพร้อมทั้งหมด หรือค่อยๆ ทะยอยเข้าซื้อ มาดูวิธีการและผลลัพท์อย่างน้อยที่จะเกิดขึ้น ดังนี้ครับ
—————————————————————————————————-
1. กรณี ผิดทาง ชน Stop loss หรือ กรณีถูกทาง แต่ไปไม่ถึง TP1 แล้วย้อนกลับมาชน Stop loss
ผลลัพท์จะขาดทุนประมาณ 3% ของทุนทั้งหมด หรือราวๆ $300 ของทุน $10,000 หากเป็นเซ็น Cents จะขาดทุน 300 cents หรือ $3 ของทุน $100 (10,000 cents) ต่อซิก
ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องวางระบบเทรดของตัวเอง คือ การกำหนดความเสี่ยงของแต่ละคน ในการเทรดต่อ 1 ซิก เพื่อรู้ว่า จะเปิด lot size สะสมได้สูงสุดกี่ลอต ก่อนจะมีการเปิดออเดอร์เสมอ

2. กรณีถูกทาง ยาวไปยัง TP3 แบบสุดยอด 100%
ผลลัพท์ที่ได้จะเป็นดังนี้
– order 1, TP1 จะได้กำไรประมาณ 500 points *0.2 lot = $100
– order 2, TP2 จะได้กำไรประมาณ 1000 points*0.2 lot = $200
– order 3, TP3 จะได้กำไรประมาณ 1800 points*0.2 lot = $360
– รวมทั้งหทด $660 คิดเป็นกำไร 6.6% ของทุน $10,000
– Risk reward (RR) = 1 : 2.2 (ความเสี่ยง 1 ส่วน ต่อกำไร 2.2 ส่วน)

3. กรณีถูกทาง แต่ไปไม่ถึง TP3 (กราฟอยู่ระหว่าง TP2-TP3) และย้อนกลับมาชน Breakeven ที่ TP2
– order 1, TP1 จะได้กำไรประมาณ 500 points *0.2 lot = $100
– order 2, TP2 จะได้กำไรประมาณ 1000 points*0.2 lot = $200
– order 3, จะชน Breakeven ที่ TP2 จะได้กำไรประมาณ 1000 points*0.2 lot = $200
– รวมทั้งหทด $500 คิดเป็นกำไร 5% ของทุน $10,000
– Risk reward (RR) = 1 : 1.66 (ความเสี่ยง 1 ส่วน ต่อกำไร 1.66 ส่วน)

4. กรณีถูกทาง แต่ไปถึง TP2 เท่านั้น และย้อนกลับมาชน Breakeven ที่ TP1
– order 1, TP1 จะได้กำไรประมาณ 500 points *0.2 lot = $100
– order 2, TP2 จะได้กำไรประมาณ 1000 points*0.2 lot = $200
– order 3, จะชน Breakeven ที่ TP1 จะได้กำไรประมาณ 500 points*0.2 lot = $100
– รวมทั้งหทด $400 คิดเป็นกำไร 4% ของทุน $10,000
– Risk reward (RR) = 1 : 1.33 (ความเสี่ยง 1 ส่วน ต่อกำไร 1.33 ส่วน)

5. กรณีถูกทาง แต่ไปไม่ถึง TP2 (กราฟอยู่ระหว่าง TP1-TP2) และย้อนกลับมาชน Breakeven ที่ TP1
– order 1, TP1 จะได้กำไรประมาณ 500 points *0.2 lot = $100
– order 2, จะชน Breakeven ที่ TP1 จะได้กำไรประมาณ 500 points*0.2 lot = $100
– order 3, จะชน Breakeven ที่ TP1 เช่นกัน จะได้กำไรประมาณ 500 points*0.2 lot = $100
– รวมทั้งหทด $300 คิดเป็นกำไร 3% ของทุน $10,000
– Risk reward (RR) = 1 : 1 (ความเสี่ยง 1 ส่วน ต่อกำไร 1 ส่วน)
หรือจะเปิดเพียงออเดอร์เดียว 0.06 lot และวาง SL, TP1 ผลลัพท์ที่ได้จะเหมือนกัน ความเสี่ยง 3% กำไรจะได้ 3% เช่นกัน

***เป็นการอธิบายของคู่เงินที่มีเป็นคู่เงินหลัก ( major pair) pip value 1 pip = 10 points หรือ 1 pip = $10 ต่อ 1 lot เช่น EURUSD, GBPUSD, AUDUSD, NZDUSD
สำหรับ pip value ของคู่เงินอื่นๆ สามารถเลือกดูด้านล่างได้เลยครับ โดยการเปลี่ยนคู่เงิน จะบอกต่า Pip value ให้อัตโนมัติ

—————————————————————————————————-
สำหรับเทรดเดอร์ สไตล์เทรดระยะสั้น ต้องการวาง TP1 เท่านั้น ผลลัพท์ที่ได้จะเป็นดังนี้
1. กรณี ผิดทาง ชน Stop loss หรือ กรณีถูกทาง แต่ไปไม่ถึง TP1 แล้วย้อนกลับมาชน Stop loss
ผลลัพท์จะขาดทุนประมาณ 3% ของทุนทั้งหมด หรือราวๆ $300 ของทุน $10,000 หากเป็นเซ็น Cents จะขาดทุน 300 cents หรือ $3 ของทุน $100 (10,000 cents) ต่อซิก
ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องวางระบบเทรดของตัวเอง คือ การกำหนดความเสี่ยงของแต่ละคน ในการเทรดต่อ 1 ซิก เพื่อรู้ว่า จะเปิด lot size สะสมได้สูงสุดกี่ลอต ก่อนจะมีการเปิดออเดอร์เสมอ

2. กรณีถูกทาง ชน TP1
ผลลัพท์ที่ได้จะเป็นดังนี้
– order 1, ชน TP1 จะได้กำไรประมาณ 500 points *0.2 lot = $100
– order 2, ชน TP2 จะได้กำไรประมาณ 500 points*0.2 lot = $100
– order 3, ชน TP3 จะได้กำไรประมาณ 500 points*0.2 lot = $100
– รวมทั้งหทด $300 คิดเป็นกำไร 3% ของทุน $10,000
– Risk reward (RR) = 1 : 1 (ความเสี่ยง 1 ส่วน ต่อกำไร 1 ส่วน)

***จำไว้ด้วยว่า ซิกที่ส่งออกไป เป้าหมาย TP1 นั้น อาจจะไม่ได้ระยะห่าง เท่ากับ Stop loss เสมอไป ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมแนวรับแนวต้านของกราฟหรือกลยุทธ์กราฟที่ปรากฎ ดังนั้น RR จะมีผลลดลงหรือเพิ่มขึ้น เช่น หาก SL = 500 จุด TP1 = 300 จุด RR ที่ได้จะเป็น 1 : 0.6 หรือหาก SL = 500 จุด TP1 = 800 จุด RR ที่ได้จะเป็น 1 : 1.6
เพราะฉะนั้นสำหรับเทรดเดอร์สไตล์เทรดระยะสั้น วางเป้าหมายเพียง TP1 หรือต่ำกว่า TP1 จะต้องตรวจสอบระยะ Stop loss และระยะ TP1 เสียก่อน เพื่อรับรู้ถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ และจะช่วยให้รอจังหวะจุดเข้าที่สามารถได้ RR ที่ได้เปรียบมากขึ้น โดยอาจจะได้จุดเข้าที่ได้เปรียบกว่าซิกที่ส่งไป ซึ่งหากเทรดเดอร์ละเลยเรื่องการใช้ lot size ที่เหมาะสมต่อระยะ SL หรือ RR ที่มี Ratio ต่ำ เช่น RR 1:0.2 , RR 1:0.4  หรือการทนกำไรไม่ได้ ปิดกำไรออกไปเสียก่อนซึ่งจะทำลายระบบ RR ของตัวคุณเองโดยไม่รู้ตัว ก็จะเกิดอาการที่มักพบบ่อยมากๆของเทรดเดอร์คือ สะสมกำไรมาตั้งนานหลายวัน แต่พังล้างพอร์ตในชั่วพริบตาวันเดียว ยกตัวอย่าง RR 1: 0.2  เพื่อให้เห็นเข้าใจชัดเจนมากขึ้น เพราะมันสำคัญของเทรดเดอร์ที่จะนำไปสู่นักเทรดที่ประสบความสำเร็จ

RR 1:0.2 เช่น SL ห่างไป 1000 จุด ตั้ง TP หรือ ทนกำไรไม่ได้ เพียง 200 จุด ก็ปิดแล้ว  อัตราส่วนความเสี่ยง ต่อ กำไร จึงเป็น 1000 : 200 เท่ากับ 1 : 0.2 เท่านั้นเป็นต้น
—————————————————————————————————-
สำหรับสมาชิกที่จะเปิดเพียงออเดอร์เดียว Single order ไม่แบ่งออเดอร์ เทรดแบบออเดอร์เดียวจบ มาดูวิธีการและผลลัพท์ที่จะเกิดขึ้น ดังนี้

1. กรณีผิดทาง ชน Stop loss 500 points*0.6 lot = -$300 ขาดทุน 3% ตามระบบความเสี่ยงที่ตัวเองกำหนด
2. กรณีวาง TP1 จะได้กำไรประมาณ 500 points*0.6 lot = $300 , Risk reward (RR) = 1 : 1 (ความเสี่ยง 1 ส่วน ต่อกำไร 1 ส่วน)
3. กรณีวาง TP2 จะได้กำไรประมาณ 1000 points*0.6 lot = $600 , Risk reward (RR) = 1 : 2 (ความเสี่ยง 1 ส่วน ต่อกำไร 2 ส่วน)
4. กรณีวาง TP3 จะได้กำไรประมาณ 1800 points*0.6 lot = $1080 , Risk reward (RR) = 1 : 3.6 (ความเสี่ยง 1 ส่วน ต่อกำไร 3.6 ส่วน)
***คำแนะนำของสมาชิกที่วาง TP2 และ TP3 และเทรดแบบเปิดออเดอร์เดียว หรือใช้ lot มากกว่า 0.01 lot ควรนำ Breakeven มาประยุกต์ใช้ และ ควรศึกษาการใช้ Partial close ซึ่งเป็นการปิดกำไรบางส่วน ใช้ควบคู่กับการย้าย Stop loss จะได้ผลดีขึ้น เนื่องจากตลาดฟอเร็กซ์มีการผันผวนและการเปลี่ยนแปลงทิศทางได้ตลอดเวลา ปัจจัยของการประกาศตัวเลขเศษฐกิจ Fundamental หรือการประชุม, ข่าวโคมลอย, ข่าวนอกตาราง หรือการโพสต์ ทวิตส์ข่าวต่างๆ มีผลก่อให้เกิดความพลิกผันของทิศทางกราฟอย่างมาก
—————————————————————————————————-
สำหรับเทรดเดอร์ ผู้มีประสบการณ์ มีความรู้หรือองค์ประกอบเครื่องมือ อื่นๆ ช่วยในการเทรดของตัวเอง เช่น ใช้บาง indicator ร่วมด้วย หรือเทรดเดอร์ที่ต้องการฝึกฝนในการเทรดสไตล์ระยะยาวขึ้นนั้น และเป้าหมายกำไร อาจจะวาง TP2 หรือ TP3 หรือมากกว่านั้น แต่ที่สำคัญ ควร MM เรื่อง Lot size สัมพันธ์กับระยะ Stop loss ซึ่งจะละเลยเรื่องนี้ไม่ได้เลยนะครับ
—————————————————————————————————-
ต่อไปเป็นเรื่องของการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยปกติของตลาดในบางช่วงในแต่ละปีที่มีความผันผวนสูง หรือไม่ค่อยมีปริมาณการซื้อขาย หรือที่เรียกว่า วอลุ่มต่ำ ขาดสภาพคล่องหรือ lack liquidity
วิธีการ
1. กำหนดความเสี่ยงการเทรดต่อซิกก่อนทุกครั้งเรื่อง Lot size สัมพันธ์กับระยะ Stop loss (MM)
2. วิธีที่ 1 หากเริ่มมีกำไรประมาณ 200-300 จุดขึ้นไป สามารถปรับตัวเลขเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ตามประสบการณ์ของแต่ละคน คำแนะนำคือ ให้ทำการย้าย stop loss ไปยัง breakeven ตรงจุดเข้าซื้อหรือกำไรบางส่วนไว้ ในสภาพตลาดที่ไม่ปกติ วิธีนี้จะช่วยลดความเสี่ยงได้
3. วิธีที่ 2 ตั้งค่า Trailing Stop อย่างน้อย 200-300 จุดขึ้นไป ระบบย้าย Stop loss โดยอัตโนมัตินี้ ต้องใช้ใน MT4 ผ่านคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊คเท่านั้น ไม่สามารถใช้ฟังก์ชั่นนี้ผ่านทาง MT4 Mobile ได้
————————————————————————————————
วิธีการคำนวน lot ให้เป๊ะ : ใครที่อ่านแล้วยังไม่เข้าใจเรื่อง lot อีก ติดต่อเรียนกับทางแอดมินส่วนตัวอีกที โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายครับ
*** Lot size = Loss accept ($) / (Pip distance of Stop loss * pip value)
Loss accept ($) : Capital * Risk (%) {ความเสี่ยงต่ำ ปานกลาง สูง ที่แต่ละคนออกแบบเอง ยอมรับได้เท่าไหร่ โดยเอาเงินทุน คูณ ด้วย % ความเสี่ยง}
Pip distance : Entry price – Stop loss price {ระยะห่างจากจุดเข้าซื้อไปยัง SL = ราคาที่จะเข้าซื้อ ลบ ราคาที่เล็ง stop loss} มีหน่วยเป็น Pip ใช้ทศนิยม 4 ตำแหน่ง}
เช่น Entry price ราคาเข้าซื้อ 1.1900 – ราคา Stop loss ที่เล็งไว้ 1.1950 จะได้ Pip distance = 1.1900-1.1950 = 50 pips
ดังนั้น Lot size = เงินทุน คูณ เปอร์เซ็นต์ความเสี่ยงที่ยอมรับ หารด้วย 50 pips * pip value 10 สำหรับ EURUSD

Low risk = 1-3% {ความเสี่ยงต่ำ อยู่ที่ 1-3%}
Medium risk = 4-5% {ความเสี่ยงปานกลาง 4-5%} ควรมีความแม่นยำในระดับนึง
High risk = 6-10% {ความเสี่ยงสูง 6-10%} ควรมีความแม่นยำสูง

Pip value : 1 pip = 10 pipettes (points) per lot {มูลค่าของแต่ละคู่ ต่อ 1 pip ต่อ 1 lot เช่น EURUSD 1 pip value = 10$}

ยกตัวอย่างเพิ่มเติม ในการคำนวนใช้ ลอตเท่าไหร่ หากเงินทุน $10,000 และจะกำหนดความเสี่ยงไว้ที่ 3% ในการยอมรับขาดทุน ซึ่งเท่ากับ $300 :

ตัวอย่างที่ 1 :

Buy CADJPY at now 80.170
SL : 79.400
TP1 : 80.900

  1. หาระยะห่าง SL = ราคาเข้าซื้อ 80.170 – ราคาที่เล็ง SL ไว้ 79.400 = 770 จุด หรือเท่ากับ 70 pips (การนำราคามาหักลบกันนั้น ไม่ต้องมองทศนิยมนะครับ โดยการเอา 80170-79400 = 700 ง่ายๆ แค่นี้เอง)
  2. CADJPY Pip value มีมูลค่าเท่ากับ $9.48   เช็คคร่าวๆได้จากเครื่องคิดเลขคำนวน Pip ด้านบนได้เลยครับ
  3. นำข้อ 1 , ข้อ 2 มาคำนวนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ นั่นคือ $300 หรือ 3%

Lot size = ความเสี่ยง $300 / (ระยะ SL 70 pips * pip value CADJPY 9.48) = 300/(70*9.48) = 0.45 Lot

ตัวอย่างที่ 2 :

SELL AUDCAD at now 0.95350
SL : 0.96400
TP1 : 0.94900

  1. หาระยะห่าง SL = ราคาเข้าซื้อ 0.95350 – ราคาที่เล็ง SL ไว้ 0.96400 = 1050 จุด หรือเท่ากับ 105 pips (การนำราคามาหักลบกันนั้น ไม่ต้องมองทศนิยมนะครับ โดยการเอา 95350-96400 = 1050 และหับลบกันแล้ว ผลติดลบก็ไม่ต้องสนใจเครื่องหมายลบ  ง่ายๆ แค่นี้เองครับ)
  2. AUDCAD Pip value มีมูลค่าเท่ากับ $7.6  เช็คคร่าวๆได้จากเครื่องคิดเลขคำนวน Pip ด้านบนได้เลยครับ
  3. นำข้อ 1 , ข้อ 2 มาคำนวนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ นั่นคือ $300 หรือ 3%

Lot size = ความเสี่ยง $300 / (ระยะ SL 105 pips * pip value CADJPY 7.6) = 300/(105*7.6) = 0.37 Lot

ตัวอย่างที่ 3 :

BUY EURGBP at now 0.90340
SL : 0.89240
TP : 0.91170

  1. หาระยะห่าง SL = ราคาเข้าซื้อ 0.90340 – ราคาที่เล็ง SL ไว้ 0.89240 = 1100 จุด หรือเท่ากับ 110 pips (การนำราคามาหักลบกันนั้น ไม่ต้องมองทศนิยมนะครับ โดยการเอา 90340-89240 = 1100
  2. EURGBP Pip value มีมูลค่าเท่ากับ $13.24  เช็คคร่าวๆได้จากเครื่องคิดเลขคำนวน Pip ด้านบนได้เลยครับ
  3. นำข้อ 1 , ข้อ 2 มาคำนวนและความเสี่ยงที่ยอมรับได้ นั่นคือ $300 หรือ 3%

Lot size = ความเสี่ยง $300 / (ระยะ SL 110 pips * pip value EURGBP 13.24) = 300/(110*13.24) = 0.2 Lot

เพราะฉะนั้น หากต้องการ Lot ที่คำนวนออกมาแล้วแม่นยำ ต้องรู้ Pip value มาใช้ในการคำนวนด้วย

แต่หากจะใช้ระบบเร่งรัด ให้ใช้ Pip value เฉลี่ย ประมาณเท่ากับ $10 ทุกคู่เงิน และใช้ระยะ SL ที่เป็นจุดได้ทันที เช่น จากตัวอย่างด้านบน

CADJPY Lot size = ขาดทุนได้ 300 / ระยะ SL 770 จุด = 0.38 Lot (เดิมคิดได้ 0.45 lot)

AUDCAD Lot size = ขาดทุนได้ 300 / ระยะ SL 1050 จุด = 0.28 Lot (เดิมคิดได้ 0.37 lot)

EURGBP Lot size = ขาดทุนได้ 300 / ระยะ SL 1100 จุด = 0.27 Lot (เดิมคิดได้ 0.2 lot)

จะสังเกตุว่า Lot size ที่ได้ จะใกล้เคียงกัน ไม่ห่างกันมาก ก็สามารถใช้วิธีง่ายๆนี้ในการใช้ lot ได้ครับ
————————————————————————————————-
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเป็นประโยชน์ให้กับสมาชิกทุกคน สามารถนำไปประยุกต์ใช้ ให้เหมาะสมกับสไตล์ของแต่ละคนได้ หากสมาชิกท่านใด ยังมีข้อสงสัยในการเทรดตามซิก มีส่วนไหนที่ยังไม่เข้าใจ สามารถติดต่อแอดมิน ทางเทเลแกรม @masterkingtrader หรือทาง Facebook เพจ Forex Trading Special ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายครับ
สุดท้าย หากสมาชิกประสบความสำเร็จ หรือมีพัฒนาการเทรดที่ดีขึ้น จากประสบการณ์การเทรดที่ได้รับจากที่นี่ แอดมินฝากช่วยตอบแทนโดยการ คอมเม้นต์หรือรีวิวเพจได้ที่ Facebook Fanpage ที่ Forex Trading special ใครที่เข้ามาจากการโพสต์โฆษณาในเพจ คอมเม้นต์โพสต์นั้นก็ได้ครับ และขอให้ทุกๆ คน เป็นเทรดเดอร์มืออาชีพและสร้างรายได้ให้กับตัวเอง สามารถดูแลตัวเองและคนในครอบครัวได้กันทุกๆ คนครับ
ขอบคุณครับ

#

Comments are closed

en_USEnglish (United States)